นับจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาควบคุมอำนาจบริหารประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อ คสช. ว่าจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศชาติที่สั่งสมมานานได้ และหนึ่งในนโยบายที่ คสช. ให้ความสำคัญและเป็นนโยบายเร่งด่วนคือการจัดระเบียบจราจรที่มีทั้งการขันนอตงานของผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนลดปัญหาที่เกี่ยวเนื่องในเรื่องของหาบเร่แผงลอยที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการจราจรเมืองกรุง ระยะเวลาเดือนกว่า ๆ ที่ คสช. ได้เข้ามาทำงานปรากฏให้เห็นภาพการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อแก้ปัญหาการจราจรตั้งแต่ระดับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จนถึงระดับปฏิบัติในส่วนของท้องที่ สำหรับผู้คนที่จะรับรู้ได้ดีถึงสภาพการจราจรติดขัดก็คงไม่พ้นพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เริ่มต้นด้วย นโยบาย 5 จริง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. จัดการคนทำผิดกฎจราจร ยกจริง ล็อกจริง จับจริง ขังจริง สุภาพจริง เพื่อคืนผิวการจราจรแก้รถติดเน้นกรุงเทพฯ รอยต่อปริมณฑลและแหล่งท่องเที่ยวเป็นนโยบายแรกที่สร้างความฮือฮาให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมากและตามมาด้วยการจัดระเบียบวินรถตู้วินรถจักรยานยนต์เริ่มจัดการรถตู้ที่ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้นโยบายที่ส่งผลชัดเจนต่อการแก้ปัญหาจราจรหลังเริ่มกวดขันเข้มข้นกับมาตรการ 5จริง พบว่าในห้วงเวลาเกือบ 2 เดือน ก็มีผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่เห็นเป็นรูปธรรมรายงานผลการปฏิบัติ 9 มิ.ย.-30 ก.ค. จับกุมผู้กระทำผิด ได้กว่า 178,615 ราย โดยผลยก จริง 751 ราย ล็อกจริง 26,050 ราย ขังจริง 2,573 ราย สอดรับกับผล ที่ตามมาผ่านการสำรวจความคิด เห็นประชาชนผ่าน เว็บไซต์กองบังคับการตำรวจจราจร www.traf
ficpolice.go.th พบว่า ร้อยละ 88 เห็นว่ามาตรการยกรถช่วยลดปัญหารถติดได้จริง ร้อยละ 77 เห็นว่าตั้งแต่เริ่มมาตรการ 5 จริงสภาพการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ดีขึ้น และร้อยละ 97 อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังพบว่าหลังเริ่มมาตรการรถที่ถูกล็อกล้อและที่ถูกยกรถลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ยังได้ออกมาตรการบังคับใช้กฎหมายอีกระลอกในชื่อ นโยบาย 5 จอม ปฏิบัติการจับจริงผู้ขับขี่ที่มีนิสัยชอบทำผิดกฎจราจรเป็นประจำ เริ่มเมื่อ 17 ก.ค. เพื่อจัดการกับผู้มีพฤติกรรมการขับขี่ที่สร้างปัญหาการจราจรและเลี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้แก่ จอมปาด-จอมล้ำ-จอมขวาง-จอมย้อน (ศร) และจอมปลอม (ป้ายทะเบียน) ซึ่งเป็นนโยบายที่เน้นไปที่พฤติกรรมการขับขี่ที่ผิดกฎหมายสร้างปัญหาการจราจรและเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ผลตั้งแต่เริ่มปฏิบัติจนถึง 30 ก.ค. รวม 14 วัน จับกุมได้ 21,087 ราย แบ่งเป็น จอมปาด 5,052 ราย จอมล้ำ 8,408 ราย จอมขวาง 1,989 ราย จอมย้อน 4,116 ราย จอมปลอม 1,522 ราย โดยหลังดำเนินการก็พบว่ายอดผู้กระทำความผิดมีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้ทาง ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพล) ได้นำนโยบาย 5 จอมดังกล่าวมาวัดประสิทธิผลว่า จะช่วยแก้รถติดได้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งนโยบายการจัดระเบียบรถตู้ โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่มีการย้ายจุดพักรถตู้ไปยังสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน
นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพล) กล่าวว่า ในการวัดประสิทธิผลของนโยบายดังกล่าวหากวัด ณ วันใดวันหนึ่งของระยะเวลาอาจทำให้การวัดคลาดเคลื่อนเนื่องจากปัญหารถติดมีสาเหตุมาจากสิ่งต่าง ๆ มากมาย เช่น อุบัติเหตุ รถเสีย ฝนตก การชุมนุมประท้วงทางการเมืองวันหยุดยาวในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ การเปิด/ปิดเทอมของนักเรียนนักศึกษา การปิดถนนเพื่ออำนวยความสะดวกเฉพาะกิจ การซ่อมบำรุงถนน การก่อสร้างรถไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้นทางศูนย์วิจัยฯ จึงใช้สภาพการจราจรในช่วงวันทำการที่ 21-23, 25, 28-30 ก.ค. 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่นโยบายทั้ง 2 เริ่มบังคับใช้โดยตัวเลขที่นำมาอ้างอิงคือดัชนีรถติด Longdo คือตัวชี้วัดสภาพความติดขัดของท้องถนนในภาพรวมของ กทม. และปริมณฑล ณ เวลาหนึ่ง ๆ โดยใช้ตัวเลข 0-10 ในการแสดงผล (ค่าที่มากหมายถึง ติดขัดมาก, 0=รถไม่ติดเลย, 10=รถติดทุกถนน) โดยจะใช้ค่าดัชนีรถติด ณ เวลา 08.00 น. ซึ่งเป็นเวลาในชั่วโมงเร่งด่วนที่รถติดมากที่สุด
ซึ่งผลการประเมินพบว่า นับจากเริ่มมีการดำเนินนโยบาย 5 จอมดัชนีรถติดเท่ากับ 6.14 เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของดัชนีรถติดของเดือน ก.ค. ปี 2556 เท่ากับ 5.92 (เฉลี่ยทั้งปีเท่ากับ 5.59) และ ก.ค. ปี 2555 เท่ากับ 7.10 (เฉลี่ยทั้งปีเท่ากับ 6.52) และหากเปรียบเทียบกับข้อมูลในปี 2557 เท่าที่มีข้อมูลในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. มีค่าดัชนีรถติดเท่ากับ 5.47, 5.04 และ 4.63 ตามลำดับ (เฉลี่ย 3 เดือนเท่ากับ 4.99) จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าดัชนีรถติดหลังใช้นโยบาย 5 จอมค่าดัชนีอยู่ในระดับที่สูงกว่าตัวเลขที่ทำการเปรียบเทียบเกือบทุกค่า ยกเว้นการเปรียบเทียบกับเดือน ก.ค. 2555 และค่าเฉลี่ยทั้งปี 2555 ทำให้ได้ข้อสรุปในขั้นต้นว่านโยบาย 5 จอมไม่ช่วยทำ ให้รถติดน้อยลง
ทุกมาตรการที่นำมาใช้แก้ปัญหาจราจรเมืองกรุงอาจจะไม่รวดเร็วทันใจวัดได้ยากและยังไม่เห็นผลนัก แต่แน่นอนว่าการปฏิบัติที่เข้มแข็งและเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจหากยังคงมาตรฐานที่เข้มข้นเช่นนี้ต่อไป ความสำเร็จที่จะเห็นชัดเจนคือพวกชอบขับขี่ไม่มีวินัยเอาเปรียบผู้ร่วมทางจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา.
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/

